![ผู้สูงอายุกำลังดูรอยผื่นที่แขนของตนเองอย่างใกล้ชิดในห้องที่มีแสงสลัว สวมเสื้อยืดสีเทา แขนมีรอยผื่นแดงเป็นบริเวณกว้าง](https://static.wixstatic.com/media/86d2a0_ab234b1e1d3e45afab51be1c4003cd0b~mv2.jpg/v1/fill/w_980,h_543,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_avif,quality_auto/86d2a0_ab234b1e1d3e45afab51be1c4003cd0b~mv2.jpg)
การมีสุขภาพที่ดีในวัยชราเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่ทว่ามีภัยเงียบที่อาจทำลายความสงบสุขนั้นได้ นั่นคือ "งูสวัด" โรคที่ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงแต่ความจริงแล้วงูสวัดสามารถทำลายชีวิตของผู้สูงอายุได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคงูสวัด ตั้งแต่ที่มาของโรค อาการ วิธีสังเกต อาการแทรกซ้อน วิธีป้องกัน รวมถึงการรักษาและการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นงูสวัด
ที่มาของโรคงูสวัด
งูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส เมื่อผู้ป่วยหายจากอีสุกอีใสแล้ว เชื้อไวรัสนี้จะไม่หายไปจากร่างกายแต่จะซ่อนตัวอยู่ในปมประสาทของร่างกาย เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง เช่น ในผู้สูงอายุ เชื้อไวรัสนี้จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งและทำให้เกิดโรคงูสวัด ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นงูสวัดเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลงตามอายุ นอกจากนี้การเจ็บป่วยเรื้อรังหรือการใช้ยาที่กดภูมิคุ้มกันก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคงูสวัดได้ง่ายขึ้น
อาการและวิธีสังเกต
เริ่มต้นด้วยความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนหรือคันในบริเวณที่กำลังจะเกิดผื่น
ต่อมาจะมีผื่นแดงๆเกิดขึ้นและกลายเป็นตุ่มน้ำใส
ตุ่มน้ำใสจะแตกออกและกลายเป็นแผล
อาการปวดแสบปวดร้อนจะรุนแรงขึ้นและอาจกินเวลาหลายสัปดาห์
อาการอื่นๆที่อาจพบได้คือ ไข้ ปวดหัว อ่อนเพลีย
อาการแทรกซ้อน
การติดเชื้อแบคทีเรียในแผลทำให้แผลมีการอักเสบ
การปวดประสาทหลังจากผื่นหายแล้ว (Postherpetic Neuralgia)
การติดเชื้อในดวงตาและทำให้เกิดความเสียหายต่อสายตา
การเกิดแผลในปากหรือในหูทำให้มีปัญหาด้านการรับประทานอาหารและการได้ยิน
การเกิดอาการชาตามบริเวณที่มีผื่น
แนวการป้องกัน
การฉีดวัคซีนป้องกันงูสวัด
การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การพักผ่อนอย่างเพียงพอและการหลีกเลี่ยงความเครียด
การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่เป็นโรคอีสุกอีใสหรือโรคงูสวัด
การรักษาและการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นงูสวัด
การรับประทานยาต้านไวรัสเพื่อช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของโรค
การใช้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวด
การรักษาความสะอาดบริเวณที่มีผื่นและแผลเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
การพักผ่อนให้เพียงพอและการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหนื่อยมากเกินไป
การรับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อการดูแลและการรักษาที่เหมาะสม
งูสวัดอาจดูเหมือนเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงแต่สำหรับผู้สูงอายุแล้ว ความเสี่ยงในการเกิดโรคและอาการแทรกซ้อนเป็นสิ่งที่ต้องระวัง การป้องกันและการดูแลที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานจากโรคงูสวัดได้ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและการรับวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคนี้ การรู้เท่าทันและการดูแลสุขภาพที่ดีจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข
Comments