top of page

งูสวัด ภัยเงียบที่ทำลายชีวิตผู้สูงอายุ!

ผู้สูงอายุกำลังดูรอยผื่นที่แขนของตนเองอย่างใกล้ชิดในห้องที่มีแสงสลัว สวมเสื้อยืดสีเทา แขนมีรอยผื่นแดงเป็นบริเวณกว้าง

การมีสุขภาพที่ดีในวัยชราเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่ทว่ามีภัยเงียบที่อาจทำลายความสงบสุขนั้นได้ นั่นคือ "งูสวัด" โรคที่ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงแต่ความจริงแล้วงูสวัดสามารถทำลายชีวิตของผู้สูงอายุได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคงูสวัด ตั้งแต่ที่มาของโรค อาการ วิธีสังเกต อาการแทรกซ้อน วิธีป้องกัน รวมถึงการรักษาและการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นงูสวัด


ที่มาของโรคงูสวัด

งูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส เมื่อผู้ป่วยหายจากอีสุกอีใสแล้ว เชื้อไวรัสนี้จะไม่หายไปจากร่างกายแต่จะซ่อนตัวอยู่ในปมประสาทของร่างกาย เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง เช่น ในผู้สูงอายุ เชื้อไวรัสนี้จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งและทำให้เกิดโรคงูสวัด ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นงูสวัดเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลงตามอายุ นอกจากนี้การเจ็บป่วยเรื้อรังหรือการใช้ยาที่กดภูมิคุ้มกันก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคงูสวัดได้ง่ายขึ้น


อาการและวิธีสังเกต

  • เริ่มต้นด้วยความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนหรือคันในบริเวณที่กำลังจะเกิดผื่น

  • ต่อมาจะมีผื่นแดงๆเกิดขึ้นและกลายเป็นตุ่มน้ำใส

  • ตุ่มน้ำใสจะแตกออกและกลายเป็นแผล

  • อาการปวดแสบปวดร้อนจะรุนแรงขึ้นและอาจกินเวลาหลายสัปดาห์

  • อาการอื่นๆที่อาจพบได้คือ ไข้ ปวดหัว อ่อนเพลีย

 

อาการแทรกซ้อน

  • การติดเชื้อแบคทีเรียในแผลทำให้แผลมีการอักเสบ

  • การปวดประสาทหลังจากผื่นหายแล้ว (Postherpetic Neuralgia)

  • การติดเชื้อในดวงตาและทำให้เกิดความเสียหายต่อสายตา

  • การเกิดแผลในปากหรือในหูทำให้มีปัญหาด้านการรับประทานอาหารและการได้ยิน

  • การเกิดอาการชาตามบริเวณที่มีผื่น


แนวการป้องกัน

  • การฉีดวัคซีนป้องกันงูสวัด

  • การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

  • การพักผ่อนอย่างเพียงพอและการหลีกเลี่ยงความเครียด

  • การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่เป็นโรคอีสุกอีใสหรือโรคงูสวัด

 

การรักษาและการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นงูสวัด

  • การรับประทานยาต้านไวรัสเพื่อช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของโรค

  • การใช้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวด

  • การรักษาความสะอาดบริเวณที่มีผื่นและแผลเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

  • การพักผ่อนให้เพียงพอและการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหนื่อยมากเกินไป

  • การรับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อการดูแลและการรักษาที่เหมาะสม

 

งูสวัดอาจดูเหมือนเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงแต่สำหรับผู้สูงอายุแล้ว ความเสี่ยงในการเกิดโรคและอาการแทรกซ้อนเป็นสิ่งที่ต้องระวัง การป้องกันและการดูแลที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานจากโรคงูสวัดได้ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและการรับวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคนี้ การรู้เท่าทันและการดูแลสุขภาพที่ดีจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข

Comments


bottom of page